konauma

Cloud Computing คืออะไร?      คือการส่งมอบบริการต่างๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต ทรัพยากรเหล่านี้ประกอบด้วยเครื่องมือและแอปพลิเคชัน เช่น ที่จัดเก็บข้อมูล เซิร์ฟเวอร์ ฐานข้อมูล ระบบเครือข่าย และซอฟต์แวร์      แทนที่จะเก็บไฟล์ไว้ในฮาร์ดไดรฟ์หรืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลในตัวเครื่อง ที่เก็บข้อมูลบน Cloud ทำให้สามารถบันทึกไฟล์เหล่านั้นลงในฐานข้อมูลระยะไกลได้ ตราบเท่าที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สามารถเข้าถึงเว็บได้ ก็จะสามารถเข้าถึงข้อมูลและโปรแกรมซอฟต์แวร์เพื่อเรียกใช้งานได้ การประมวลผลแบบคลาวด์เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้คนและธุรกิจด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น การประหยัดต้นทุน ผลผลิตที่เพิ่มขึ้น ความเร็วและประสิทธิภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัย ประเด็นที่น่าสนใจ Cloud Computing คือการส่งมอบบริการต่างๆ ผ่านทางอินเทอร์เน็ต รวมถึงการจัดเก็บข้อมูล เซิร์ฟเวอร์ ฐานข้อมูล เครือข่าย และซอฟต์แวร์ ที่เก็บข้อมูลบน Cloud ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในหมู่บุคคลที่ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลขนาดใหญ่ขึ้น และสำหรับธุรกิจที่กำลังมองหาโซลูชันการสำรองข้อมูลนอกสถานที่ที่มีประสิทธิภาพ ที่เก็บข้อมูลบน Cloud ทำให้สามารถบันทึกไฟล์ไปยังฐานข้อมูลระยะไกลและเรียกค้นข้อมูลได้ตามต้องการ บริการสามารถเป็นได้ทั้งแบบสาธารณะและส่วนตัว—บริการสาธารณะมีให้ทางออนไลน์โดยมีค่าธรรมเนียม ในขณะที่บริการส่วนตัวโฮสต์บนเครือข่ายไปยังไคลเอ็นต์เฉพาะ การรักษาความปลอดภัยบน Cloud กลายเป็นสาขาที่มีความสำคัญมากขึ้นในด้านไอที ทำความเข้าใจกับ Cloud Computing   […]

     สนใจนำ เทคโนโลยี Virtual Reality (VR) & Augmented Reality (AR) เข้ามาช่วยในธุรกิจของคุณ ! เราพัฒนาซอฟต์แวร์ และแอปพลิเคชันในมาตรฐานระดับโลก ในงบประมาณที่สมเหตุสมผล Augmented Reality (AR) เสริมสภาพแวดล้อมของคุณโดยการเพิ่มองค์ประกอบดิจิทัลในไลฟ์วิว โดยมักจะใช้กล้องบนสมาร์ทโฟน  Virtual Reality (VR) เป็นประสบการณ์เสมือนจริงที่แทนที่สภาพแวดล้อมในชีวิตจริงด้วยสภาพแวดล้อมจำลอง        ใน AR สภาพแวดล้อมเสมือนจริงได้รับการออกแบบให้อยู่ร่วมกับสภาพแวดล้อมจริง โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ข้อมูลและให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องทำการค้นหา ตัวอย่างเช่น แอพ AR สำหรับอุตสาหกรรมสามารถให้ข้อมูลการแก้ปัญหาได้ทันทีเมื่อโทรศัพท์มุ่งเป้าไปที่อุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่ทำงานผิดพลาดความจริงเสมือนครอบคลุมการจำลองสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์ซึ่งแทนที่โลกของผู้ใช้ด้วยโลกเสมือนจริงทั้งหมด เนื่องจากสภาพแวดล้อมเสมือนจริงเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาทั้งหมด จึงมักได้รับการออกแบบให้มีขนาดใหญ่กว่าชีวิตจริง ตัวอย่างเช่น VR สามารถให้ผู้ใช้กล่องไมค์ไทสันเวอร์ชั่นการ์ตูนในเวทีมวยเสมือนจริง แม้ว่าทั้งความจริงเสมือนและความจริงเสริมได้รับการออกแบบมาเพื่อนำสภาพแวดล้อมจำลองมาสู่ผู้ใช้ แต่แนวคิดแต่ละอย่างก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเกี่ยวข้องกับกรณีการใช้งานที่แตกต่างกัน นอกเหนือจากสถานการณ์ความบันเทิงแล้ว ธุรกิจต่าง ๆ ยังใช้ความเป็นจริงเสริมมากขึ้น เนื่องจากความสามารถในการสร้างภาพซ้อนทับข้อมูลที่เพิ่มสถานการณ์ที่มีประโยชน์ในโลกแห่งความเป็นจริงเราจะเจาะลึกถึงวิธีการทำงานของเทคโนโลยีเรียลลิตี้ทั้งสองนี้ โดยเน้นไปที่กรณีธุรกิจสำหรับ AR ในหัวข้อต่อไป AR กับ VR ต่างกันอย่างไร?      แม้ว่าเทคโนโลยีทั้งสองเกี่ยวข้องกับความเป็นจริงจำลอง แต่ AR และ

   FIGMA คือ เครื่องมือออกแบบเว็บไซต์ หรือ แอปพลิเคชัน ต่างๆที่เกิดมาเพื่อช่วยนักออกแบบ UX/UI โดยสามารถใช้งานได้ผ่านทาง web browser ไม่จำเป็นต้อง install ทำให้สะดวกในการใช้งาน โดยตัวเครื่องมือออกแบบมาให้เหมาะกับคนที่จำเป็นจะต้องทำโปรเจกต์ร่วมกันกับทีม หรือต้องการหมดปัญหาเวลาคุยโปรเจกต์กับลูกค้าและลูกค้าเปิดไฟล์งานไม่ได้ อีกทั้งตัวเครื่องมือยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ช่วยให้เพื่อนๆ สามารถทำงานได้ง่ายขึ้นอีกด้วย  Icontifyถูกสร้างขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแทนที่แบบอักษร glyph ที่ล้าสมัยด้วยกรอบของJavaScript SVG เพื่อให้มีตัวเลือกไอคอนมากมาย ซึ่งแตกต่างจากแบบอักษร Iconify จะโหลดเฉพาะไอคอนที่ใช้บนหน้าเว็บดังนั้นจึงสามารถใช้ไอคอนต่างๆเช่น FontAwesome , Material design icons , Firefox emoji และอื่นๆบนหน้าเว็บโดยไม่ต้องโหลดแบบอักษรจํานวนมาก มันรวดเร็วและใช้งานง่าย เป็นปลั๊กอินสำหรับค้นหาไอคอนโดยสามารถกดค้นหาจาก Keyword ช่วยประหยัดเวลาได้มาก เพราะไม่ต้องไปหาไอคอนจากข้างนอกมาแปะ ที่สำคัญคือสามารถออกแบบสีเองได้ ไม่มีข้อจำกัดทางด้านการใช้งาน และฟรี  Unsplash หารูปภาพสวยๆ Unsplash มาแปะบน UI เพื่อเสริมให้งานดีไซน์สมบูรณ์ขึ้น สามารถกดค้นหาด้วย Keyword มีรูปให้เลือกหลากหลาย และฟรีไม่มีจำกัด  

Apache Airflow คืออะไร?เป็น Open Source Platform ตัวหนึ่งที่ออกแบบมาเพื่อการทำ schedule, monitor workflow และ data pipelines โดย Airflow มีการเขียน Workflow เป็น Directed Acyclic Graph(DAG) กราฟที่มีหัวลูกศรทิศทางเดียว ซึ่ง DAG ประกอบไปด้วยหลายๆ Task ที่เชื่อมต่อกันและในแต่ละ Task นั้นก็มีความสามารถที่แตกต่างกัน  ความสามารถของ Apache Airflow  1. Task scheduling: airflow สามารถตั้งเวลาในการทำงาน และสามารถ trigger จากภายนอกระบบได้ 2. Dependency management: สามารถตั้งค่าลำดับการทำงานของ tasks ได้ 3. Tasks execution: airflow รอบรับการทำงานหลาย platforms เช่น local machines, cloud environments (เช่น

  Progressive Web Apps คืออะไร เว็บไซต์ที่มีการทำงานใกล้เคียงกับแอปพลิเคชั่นที่ดาวน์โหลดลงเครื่องมากที่สุด ทั้งในแง่รูปลักษณ์ ความเร็ว การใช้งาน ความลื่นไหลในการเข้าเมนูต่างๆ และการใช้งานแบบออฟไลน์   ฟีเจอร์หลักเด่นๆของ Progressive Web Apps – Fast โหลดแและตอบสนองได้รวดเร็ว- Reliable มีความเสถียร สามารถทำงานได้ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์- Engaging มีความใกล้เคียงกับแอปพลิเคชั่นด้านฟังชั่นการใช้งานและการแสดงผล- Connectivity independent สำหรับเก็บ Cache ข้อมูลเพื่อให้เว็บฯ สามารถใช้งานได้ทั้งสถานะออนไลน์และออฟไลน์- Re-Engageable สามารถ Re-Engage กับลูกค้าทำให้สามารถได้รับการแจ้งเตือนข้อมูลต่าง ๆ โดยไม่จำเป็นต้องเปิดแอปฯ ทิ้งไว้- onnectivity independent : สำหรับเก็บ Cache ข้อมูลเพื่อให้เว็บฯ สามารถใช้งานได้ทั้งสถานะออนไลน์และออฟไลน์   Progressive web application ต่างจาก web app ทั่วไปยังไง? – สามารถติดตั้งแอปพลิเคชั่นเพื่อใช้งานได้ในทันที ผ่านเมนู

มาทำความรู้จักกับ ChatGPT        ChatGPT เป็นเครื่องมือที่เป็น AI สร้างโดย openAI เป็น Language model ขั้นสูงที่มีความเข้าใจในภาษามนุษย์ และ สามารถสร้าง text มาโต้ตอบกับมนุษย์ได้ ไม่ว่าเราสั่งให้   สร้าง blog, เขียน web, email หรือ แม้กระทั่งแต่งนิยายให้เรา   ตัวอย่างแบบเข้าใจง่าย      สมมุติว่า เรากำลังสงสัยบางเรื่อง, บางสิ่ง ในหัวข้อสนทนากับตัว ChatGPT ก็สามารถเข้าใจเนื้อหา หรือ บทสนทนาก่อนหน้า และตอบคำถาม ในหัวข้อนั้นๆ ได้ แต่ที่สำคัญ ChatGPT ทำให้เราเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ไวมากขึ้น ถ้าเป็นคนที่ active learner ก็จะสามารถใช้งาน ChatGPT ได้สนุกมากขึ้น  ChatGPT ทำงานอย่างไร ?     ก่อนหน้านี้เราพูดถึง Language Model ที่สร้างภาษามนุษย์ขึ้นมา ตัว ChatGPT ก็เรียนรู้ผ่าน ตัวอักษร,

hash = {}arr.each do |num| hash[num] = numend# => {“1″=>”1”, “2”=>”2″, “3”=>”3″} ถ้าเรานำ inject เข้ามาใช้ result = arr.inject({}) do |hash, num| hash[num] = num hashend# => {“1″=>”1”, “2”=>”2″, “3”=>”3″} arr.inject({}) จะเป็นการ initial ค่าไว้ว่าให้เริ่มต้นเป็นอะไร ทำให้เราไม่ต้องประกาศ hash เปล่าไว้ก่อน อีกท่าหนึ่งเราสามารถใช้ each_with_object ได้เหมือนกันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ arr.each_with_object({}) { |num, hash| hash[num] = num }# => {“1″=>”1”, “2”=>”2″, “3”=>”3″} ในตัวอย่างด้านบน จะเป็นการInject hash เข้าไป หรือจะเป็นการหาค่าผลรวม result